เมืองประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่าสามพันปี แห่งซีอาน

ซีอาน เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน จัดว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาช้านานและเป็นหนึ่งในเมืองของเส้นทางสายไหม เส้นทางการค้าโบราณขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังเคยเป็นเมืองหลวงบ่อยครั้งถึง 13 รางวงศ์ โดยภาพรวมแล้วซีอานมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่าสามพันปี ชื่อเก่าของซีอานก็คือเมือง ฉางอาน หมายถึงความสงบสุขชั่วนิรันดร์

ยังไม่เพียงเท่านั้น แหล่งโบราณคดี ปั้นพัว ซึ่งเป็นหลักฐานการตั้งถิ่นฐานก่อร่างสร้างเมืองมนุษย์ในยุคโบราณตั้งแต่เมื่อราว 6,500 ปีมาแล้วก็เกิดขึ้นที่บริเวณเมืองซีอานนี้เอง

วันนี้เราจะมาดูกันว่าที่ซีอานมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอะไรกันบ้าง

- สุสานจักรพรรดิฉินที่ 1
เมื่อ 29 มีนาคม ค.ศ. 1974 ที่มณฑลส่านซี ของจีน เกิดการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 20 นั่นก็คือกองพันทหารดินเผาของจักรพรรดิฉิน เมื่อชาวนากตระกูลหยาง 7 คนกำลังขุดหาบ่อน้ำแล้วไปขุดเจอทหารดินเผาเข้า จึงเกิดการขุดค้นทางโบราณคดีขนาดใหญ่พบสุสานทหารดินเผามากกว่า 8,000 ตัว

และเมื่อ 13 มกราคม 2023 ก็มีการขุดพบทหารดินเผาเพิ่มอีก 220 ตัว พร้อมด้วยม้าดินเผาและรถม้าดินเผาอีกจำนวนหนึ่ง เป็นหลักฐานอันแน่ชัดว่ายังมีสุสานทหารดินเผา ที่รอการขุดค้นเพิ่มเติมอีก รวมถึงสุสานของจักรพรรดิฉินเองด้วย ทว่าการขุดค้นต้องยุติลงเมื่อมีการตรวจพบสารปรอทเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ในปริมาณมาก

ซึ่งสารปรอทนั้นสามารถระเหยหายไปได้เมื่อเจอกับอากาศ แต่การที่ยังมีปรอทในปริมาณสูงนั้นแปลว่าเป็นห้องปิดตายที่ยังไม่เคยมีผู้ใดเคยเข้าถึงมาก่อนนานถึงสองพันสองร้อยกว่าปี

ตัวสุสานนั้นมีขนาดใหญ่มาก ลึกประมาณ 35 เมตร กว้าง 145 เมตร ยาว 170 เมตร สร้างขึ้นเมื่อ 246-208 ปีก่อนคลิสตกาล ภายในเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติต่างๆ รูปปั้นกองทหารดินเผา และรถม้า เป็นตัวแทนของเหล่าข้าราชบริพารที่ร่วมเดินทางไปสู่ปรโลก

เป็นที่แน่ชัดว่าจักรพรรดิฉิน ที่ 1 หรือ ฉินฉื่อหวังตี้ ผู้นี้แสวงหาชีวิตอันเป็นนิรันดร์ โดยมีหลักฐานคือหนังสือราชการจำนวนมากจากหัวเมืองต่างๆ ที่เขียนตอบกลับราชสำนักว่าไม่อาจพานพบน้ำพุอันเป็นนิรันดร์ หรือตัวยาใดๆ ที่จะทำให้มีชีวิตยืนยาวไปตลอดกาลได้เลย สุดท้ายแล้วพระองค์สิ้นพระชนม์ลงเมื่อพระชนมายุเพียง 49 ชันษา ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้ให้มวลมนุษยชาติซึ่งแม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถจะขุดค้นสุสานของพระองค์ออกมาได้ทั้งหมด

สุสานทหารดินเผาได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อ ค.ศ. 1987 ความยิ่งใหญ่ของสุสานแห่งนี้ถึงกับทำให้ได้รับสมญาว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก

- Giant wild Goose Pagoda เจดีย์ต้าย่าน หรือเจดีย์ ห่านใหญ่
สร้างเมื่อ ค.ศ. 652 ในสมัยราชวงศ์ถัง จักรพรรดิถังเกาจง แต่เดิมนั้นมี 5 ชั้น แต่เมื่อ ค.ศ. 704 รัชสมัยบูเช็กเทียนได้มีการสร้างขึ้นใหม่กลายเป็นสิบชั้น แต่เมื่อ ค.ศ. 1556 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้เจดีย์พังลงจนเหลือแค่ 7 ชั้นมาจนถึงปัจจุบัน เจดีย์ต้าย่าน ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม พร้อมกับโบราณสถานอื่นๆ ในเส้นทางสายไหม เมื่อ ค.ศ. 2014

- มัสยิดใหญ่แห่งซีอาน
เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีพื้นที่ 12,000 ตารางเมตรโดยที่บริเวณโดยรอยจะมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่จำนวนมาก มัสยิดแห่งนี้จึงเป็นที่รวมตัวกันละหมาดของชาวมุสลิมรู้จักกันในชื่อมัสยิดฮว่าเจว๋ ซึ่งตั้งชื่อตามที่ตั้งของมัสยิดที่เส้นทางฮั๋วเจว๋30 บางครั้งเรียกมัสยิดใหญ่แห่งทิศตะวันออก เริ่มสร้างครั้งแรกในสมัยจักรพรรดิหงอู่ ราชวงศ์หมิง มัสยิดแห่งนี้มีความโดดเด่นตรงที่เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมจีนกับอิสลาม แม้ว่าตัวอาคารจะมีหน้าแบบจีน ทว่ามีลวดลายตกแต่งแบบอาหรับ เช่นตัวอาคารในลักษณะเก๋งจีน ตกแต่งด้วยตัวอักษรอาหรับวิจิตรเป็นต้น

- Bell Tower of Xian หอระฆังแห่งซีอาน
สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1384 ในช่วงต้นราชวงศ์หมิง ในสมัยก่อนหอระฆังมีหน้าที่เป็นหอกระจายข่าวสารจากทางการ การตีระฆังในยามมีภัยหรือเรื่องต่างๆ ที่ทางการต้องการสื่อสารกับประชาชน แต่เดิมตั้งอยู่ที่ถนน Yingxiang ซึ่งห่างออกไปจากที่ปัจจุบันประมาณ 1 กิโลเมตร ในสมัยนั้นเป็นศูนย์กลางของเมือง เมื่อสมัยต้นราชวงศ์หมิง เมืองฉางอานขยายตัวออกไปมากใจกลางเมืองจึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทางทิศตะวันออก หลังจากนั้นสองศตวรรษ ประตูเมืองก็ถูกสร้างเพิ่มขึ้นมาใหม่ ทั้งถนนสี่สายตามทิศทั้งสี่ จึงดูเหมือนว่าหอระฆังเดิมไม่อยู่ใจกลางเมืองอีกต่อไป

ค.ศ. 1582 จึงมีการย้ายหอระฆังมาไว้ยังบริเวณที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน โดยการสร้างฐานอาคารขึ้นมาใหม่ แต่ใช้โครงสร้างภายในของเดิมทั้งหมด มีการบูรณะหอระฆังซีอานอีกครั้ง ในปีค.ศ. 1699, 1740 และ 1840 ในการบูรณะมีการสร้างอาคารขึ้นใหม่ ระฆังเดิมจากราชวงศ์ถังจึงถูกถอดออกแทนที่ด้วยของใหม่ที่มีเสียงกังวานไกลกว่าเดิม

เมื่อ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1939 ในช่วงสงครามโลก หอระฆังถูกเครื่องบินญี่ปุ่นทิ้งระเบิดใส่ได้รับความเสียหายจนต้องซ่อมแซมอีกครั้ง และเมื่อมีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ ค.ศ. 1949 หลังจากนั้นก็มีการซ่อมแซมหอระฆังอีก 5 ครั้ง และเมื่อ ค.ศ. 1956 หอระฆังซีอานได้รับการประกาศเป็นโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศจีน