บันทึกเดินทางทริปไซปรัส

เมื่อ 21-28 พ.ย. 2019 มีโอกาสได้ไปเยือนประเทศไซปรัส หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่าไซปรุส ประเทศซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนและเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แม้จะเป็นเกาะเล็ก ทว่าไซปรัสเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมายที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ วิหาร ปราสาทจากยุคสงครามครูเสด เมืองโบราณจากยุคกรีก-โรมัน เลยไปจนถึงวิวทะเลแบบเมดิเตอร์เรเนี่ยน ขอขอบคุณอียิปต์แอร์ที่ให้การสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ จากกรุงเทพฯ สามารถบินไปไคโรใช้เวลาเปลี่ยนเครื่องไม่นาน บินอีกชั่วโมงเศษๆ เราก็เดินทางมาถึงเมืองลานาคา ไซปรัสแล้ว และนี่คือสถานที่ที่ห้ามพลาดในไซปรัส

เบลลาเพียส์
หมู่บ้านเล็กๆ ที่งดงามในเขตไซปรัสตอนเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของซากโบสถ์ สไตล์โกธิกที่มีชื่อว่า Abbaye de la Paix แม้ว่าตัวอาคารจะปรักหักพังด้วยการรุกรานจากพวกเติร์ก ทว่าตัวโบสถ์นั้นยังคงงดงาม การสร้างตัวเมืองและโบสถ์ย้อนไปในสมัยต้นศตวรรษที่ 13 ท่านออกัสติเนียนหลบหนีจากเยรูซาเล็มหลังจากที่เมืองถูกยึดครองโดยซลาดิน ผู้นำมุสลิมอันเลืองชื่อ

สุสานแห่งกษัตริย์ Tomb of the Kings
สุสานขนาดใหญ่กินบริเวณกว้างขวางนี้เริ่มต้นสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริตกาล ซึ่งเป็นการเจาะภูเขาหินธรรมชาติ (หินทราย) ลงไปเพื่อทำเป็นสุสานของราชวงศ์ บางสุสานประดับด้วยเสาแบบดอริกโดยรอบและลวดลายตกแต่งแบบต่างๆ ตัวสุสานนั้นตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าปาฟอสซึ่งได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อ ค.ศ. 1980

เมืองโบราณคัวรีออน

บริเวณเมืองโบราณนี้มีการตั้งเมืองครั้งแรกเมื่อราว 1200 ปี ก่อนคริสต์ศตวรรษในอายธรรมไมซีเนียน ก่อนที่ตัวเมืองจะขยายใหญ่โตมาถึงยุคกรีก-โรมัน ทั่วบริเวณมีซากเมืองโบราณเยี่ยมชมหลายจุดอาทิ โบสถ์ โรงอาบน้ำโรมัน บ้านของเอสโทลิออส ที่ประทับของบิชอป โรงละครโรมัน ทว่าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 4 ตัวเมืองจึงเสียหายหนักมากมาแต่โบราณ แต่ที่โดดเด่นกว่าใครก็คือแผ่นโมเสกภายในบ้านของเอสโทลิออส ซึ่งยังคงสภาพสมบูรณ์อย่างมาก

ไซปรัสเป็นเกาะเล็กๆ แต่ที่เที่ยวไม่ได้น้อยนิด ผู้คนบนเกาะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือคนกรีกกับคนตุรกี อันที่จริงเรียกไซปรัสว่าเป็นกรีกอีกเกาะหนึ่งก็คงไม่ผิดนัก ในเมื่อคนส่วนมากบนเกาะพูดภาษากรีก ส่วนไซปรัสตอนเหนือนั้นพูดภาษาตุรกีและประชากรส่วนมากก็เป็นคนเชื้อสายตุรกี แต่แน่นอนว่าพวกเขาคือชาวไซปรัสโดยกำเนิด นอกจากภาษาแล้ว อาหารการกินที่นี่ก็ยังค่อนไปทางกรีกอยู่มาก สิ่งที่ขาดไม่ได้ในอาหารแทบทุกมื้อคือสลัดแบบกรีก นั่นคือใส่น้ำมันมะกอกเป็นน้ำสลัด และมีชีสมากมายให้เลือกรับประทาน ส่วนทางไซปรัสตอนเหนืออาหารก็จะออกแนวตุรกีหน่อยๆ คืออาหาสไตล์เคบับนั้นพบเห็นได้ทั่วไปและรสชาตถูกปากไม่น้อย คนไทยเราไม่เข้าใจทั้งภาษากรีกและภาษาตุรกี แต่ไม่มีปัญหาในการเดินทางแต่อย่างใด เพราะคนพื้นเมืองส่วนมากเข้าใจภาษาอังกฤษ หากพูดไม่ได้ ก็ยังพอเข้าใจสื่อสารกันได้ช่วยบอกทางได้ ป้ายบอกทางต่างๆ ก็เข้าใจง่ายตามมาตราฐานยุโรป

อากาศช่วงเดือนพฤศจิกายนนั้นถือว่าเพิ่งเริ่มเข้าฤดูหนาว อากาศเย็นๆ กำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาวมากเกินไป หากขึ้นเขาอย่างหุบเขาทรูดอส ซึ่งเป็นอีกที่ที่ไม่ควรพลาดด้วยเป็นพื้นที่ได้รับการประกาศว่าเป็นมรดกโลกใน ค.ศ. 2002 แล้ว อากาศในหุบเขาจะค่อนข้างหนาวกว่าในตัวเมือง ช่วงที่เราไปนั้นใบไม้กำลังเปลี่ยนสีจึงได้วิวใบไม้เหลือง-แดงสวยๆ มากมาย ส่วนอากาศริมทะเลนั้นก็จะอบอุ่นกว่ามาก หากมาในช่วงฤดูร้อน ราวเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมอุณหภูมิสูงราว 35-40 องศาเซลเซียสและมีแดดค่อนข้างแรง